เมืองไทย พีเค.แสนชัย ขุนศอกผีดิบ พร้อมชน แอนตาร์ คาเซม ศึก ONE ลุมพินี 126

ข่าวมวย

เมืองไทย พีเค.แสนชัย หรือที่แฟนมวยขนานนามว่า “ขุนศอกผีดิบ” กำปั้นพลังอึดวัย 31 ปี จากจังหวัดบุรีรัมย์ เตรียมสร้างความเร้าใจอีกครั้งบนสังเวียน ONE ลุมพินี 126 โดยครั้งนี้เขาจะพบกับ แอนตาร์ คาเซม จอมบู๊ร่างสูงใหญ่ วัย 26 ปี ลูกครึ่งฝรั่งเศส-เบลารุส ในกติกามวยไทยพิกัด 140 ปอนด์ ไฟต์นี้ถือเป็นการวัดพลังระหว่างนักสู้สายบู๊ที่แฟนมวยทั่วโลกต่างรอคอยติดตามอย่างใจจดใจจ่อ

เมืองไทยซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอึด ทรหด และอาวุธศอกที่ดุดัน เตรียมงัดทุกลูกไม้เพื่อบดขยี้คู่แข่งแบบไม่ถอย ขณะที่ คาเซม ก็มาพร้อมสไตล์การชกที่ดุดันและรูปร่างได้เปรียบ งานนี้รับประกันความมันเต็มพิกัด แฟนมวยห้ามพลาดติดตามการถ่ายทอดสดจากเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 26 กันยายนนี้ เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.

เมืองไทย พีเค.แสนชัย ปลดหนี้สำเร็จ พร้อมเดินหน้าล่าแชมป์ในศึก ONE ลุมพินี

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นสังเวียน ONE Championship และ ONE ลุมพินี เมืองไทย พีเค.แสนชัย หรือที่แฟนมวยขนานนามว่า “ขุนศอกผีดิบ” ได้พลิกชีวิตครั้งใหญ่ จากนักมวยที่เคยมีหนี้สินล้นตัว กลับกลายเป็นผู้ที่สามารถปลดหนี้หมดสิ้น มีเงินสร้างบ้าน และดูแลครอบครัวได้อย่างมั่นคง ความสำเร็จบนเวทีระดับโลกทำให้ เมืองไทย กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักสู้มากมายที่ฝันอยากใช้มวยไทยเปลี่ยนชีวิตตัวเอง

บนเส้นทางการชกในรายการ ONE เมืองไทย ผ่านการเจอกับยอดนักสู้ระดับแถวหน้ามาแล้วมากมาย พร้อมกวาดชัยชนะถึง 10 ครั้ง จาก 14 ไฟต์ที่ลงแข่งขัน ปัจจุบันกำลังอยู่ในฟอร์มร้อนแรงชนะติดต่อกันถึง 3 ไฟต์ โดยไฟต์ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 114 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้ปะทะเดือดกับคู่ปรับเก่าอย่าง เสกสรร อ.ขวัญเมือง เป็นภาคที่ 5 ของคู่นี้ เกมการชกเป็นไปอย่างดุเดือดจนได้รับการชื่นชมอย่างกว้างขวาง และผลสุดท้าย เมืองไทย เป็นฝ่ายคว้าชัยชนะด้วยคะแนนเอกฉันท์

ความทุ่มเทในไฟต์ดังกล่าวยังทำให้บิ๊กบอส ชาตรี ศิษย์ยอดธง ต้องมอบโบนัสย้อนหลังให้ทั้งคู่ คนละ 350,000 บาท เป็นการยืนยันถึงคุณภาพของมวยไทยและความมันระดับโลกบนเวที ONE

เมืองไทยกล่าวว่า

“ไฟต์ที่แล้วกับพี่เสกสรร สนุกมากครับ ต่างคนต่างเดินแลกกันดุเดือดเต็มที่ ผมมั่นใจว่าเป็นฝ่ายชนะ เพราะอาวุธเข้าเป้ามากกว่า แถมมีจังหวะเตะจนพี่เขาล้มหลายครั้ง ดีใจมากที่ปลดล็อกชนะได้สำเร็จ หลังจากที่เคยแพ้พี่เขามาหลายครั้ง”

“หลังจบไฟต์ ทีมงาน ONE โทรมาบอกว่าผมได้โบนัสย้อนหลัง ดีใจสุด ๆ เลยครับ ทุกวันนี้สามารถปลดหนี้สินหลายแสนให้ครอบครัวหมดแล้ว การได้กลับมาชกใน ONE ทำให้ผมมีโอกาสพลิกชีวิต ถ้าไม่มีเวทีนี้ผมคงไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดิน ไม่มีรถขับเหมือนทุกวันนี้แน่นอนครับ”

เมืองไทย เล็งทำฟอร์มเข้าตา ลุ้นคว้าสัญญา ONE อีกครั้ง

เมืองไทย กำลังเดินหน้าสร้างผลงานบนเวที ONE ลุมพินี เพื่อขยับเข้าใกล้โอกาสคว้า สัญญา ONE ระดับโลก โดยไฟต์ล่าสุดถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญ เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับ แอนตาร์ นักสู้จากทีมของ “เมดีห์ ซาทูต” ผู้ที่มีสถิติชนะ 6 จาก 9 ไฟต์ และอยู่ในฟอร์มร้อนแรงด้วยชัยชนะ 4 ไฟต์ติดกัน

ผลงานเด่นของ “แอนตาร์” คือการปิดเกมใส่ “พันฤทธิ์ ลูกเจ้าแม่สายวารี” อย่างเด็ดขาดใน ONE ลุมพินี 116 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ไฟต์นี้ยิ่งได้รับความสนใจจากแฟน มวยไทย และ มวยโลก มากขึ้น ขณะที่ฝั่ง “เมืองไทย” ก็พร้อมสาดอาวุธเต็มคลัง เพื่อพิสูจน์ว่าประสบการณ์การผ่านคู่ชกต่างชาติมามากมายนั้นยังแข็งแกร่งพอที่จะหยุดความร้อนแรงของคู่ต่อสู้

การดวลครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญที่อาจพา “เมืองไทย” ไปสู่การคว้า สัญญา ONE และโอกาสสร้างชื่อบนเวทีระดับโลก

แอนตาร์ คาเซม

เมืองไทยกล่าวว่า

“แอนตาร์ เป็นมวยที่มีหมัดเร็ว หนัก และคมมาก เขาได้เปรียบผมในเรื่องความเร็วรวด ส่วนสูงและช่วงชกที่ยาวกว่า แต่หากเราระวังเรื่องการป้องกันตัวได้ดี ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวครับ”

“ผมเคยเจอมวยทรงนี้มาหลายครั้งแล้ว จึงเตรียมอาวุธมาครบ ทั้งหมัด เท้า เข่า และศอก ไฟต์นี้ผมจะเดินเบียดเข้าหาและปล่อยอาวุธต่อเนื่อง โดยต้องป้องกันตัวให้ดีเพราะหากโดนอาวุธหนักของเขาเต็ม ๆ ก็มีสิทธิ์หล่นได้ แต่ถ้าผมไม่พลาดก่อน ผมมั่นใจว่าอาวุธของผมจะทำให้เขาทนไม่ไหว โอกาสจบไม่ครบยกจึงมีสูงมาก ถึงเขาจะเก่งหมัดมาจากไหน ผมก็ขอให้เขาระวัง ‘ศอกผีดิบ’ ของผมไว้ด้วยครับ”

นอกจากชัยชนะแล้ว เมืองไทย ยังมุ่งมั่นสร้างผลงานให้เป็นที่จดจำบนเวที ONE ลุมพินี เพื่อเปิดโอกาสกลับสู่ สังเวียนระดับโลก อีกครั้ง พร้อมพิสูจน์ศักยภาพความแข็งแกร่งใน มวยไทย และมวยสากล

เมืองไทยกล่าวว่า