นาบิล เปิดศึกคิกบ็อกซิ่ง ดวลเดือด อิเลียส ชิงบัลลังก์คิกบ็อกซิ่ง ในศึก ONE ลุมพินี 126

ข่าวมวย

นาบิล อานาน แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ลูกครึ่งไทย-แอลจีเรีย วัยเพียง 21 ปี เตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนเวทีระดับโลก ด้วยการเปลี่ยนกติกามาชก คิกบ็อกซิ่งครั้งแรก ในศึก ONE ลุมพินี 126 วันศุกร์ที่ 26 กันยายนนี้ ถ่ายทอดสดตรงจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) สู่สายตาแฟนกีฬามากกว่า 195 ประเทศทั่วโลก เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.

คู่เอกที่ทุกคนรอชมคือการดวลเดือดระหว่างนาบิล กับ อิเลียส เอ็นนาฮาชิ อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) นักชกเนเธอร์แลนด์-โมร็อกโก วัย 29 ปี ที่ปัจจุบันยังครองสถิติไร้พ่ายในรายการนี้ การพบกันของทั้งคู่จึงกลายเป็นไฟต์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง เพราะ “เอ็นนาฮาชิ” มุ่งมั่นจะย้ำความยิ่งใหญ่ในรุ่นแบนตัมเวต ขณะที่นาบิลตั้งใจใช้ไฟต์นี้พิสูจน์ความแข็งแกร่งเพื่อปูทางสู่การครองบัลลังก์สองกติกาในอนาคต

เส้นทางความสำเร็จของ นาบิล อานาน

แม้เคยเปิดตัวใน ONE ลุมพินี 22 ด้วยความพ่ายแพ้แบบถูกน็อกต่อยอดฝีมือระดับโลกอย่าง ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9 เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 แต่ นาบิล อานาน กลับใช้บทเรียนครั้งนั้นเป็นแรงผลักดัน พัฒนาฝีมือและประสบการณ์การชกอย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างปีทองของตัวเองในปีนี้ได้สำเร็จ

ไฟต์ที่จุดประกายความสำเร็จคือการเอาชนะ นิโค คาร์ริลโล คว้าเข็มขัด ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต เฉพาะกาล ในศึก ONE 170 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยการถอนแค้นแบบสุดมันส์เหนือ ซุปเปอร์เล็ก ในศึก ONE 172 เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งครั้งนี้เขาสามารถคุมเกมและเอาชนะด้วยคะแนนเอกฉันท์อย่างสง่างาม

ผลงานดังกล่าวทำให้ นาบิลสะสมสถิติสุดสวย ชนะ 7 จาก 8 ไฟต์ที่ขึ้นสังเวียน และก้าวขึ้นสู่การครองบัลลังก์ แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต อย่างเต็มภาคภูมิ กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้รับการจับตามองจากแฟน ๆ ทั่วโลก

ศึกใหญ่กับ อิเลียส เอ็นนาฮาชิ

ไฟต์ในศึก ONE ลุมพินี 126 ถือเป็นครั้งแรกที่ นาบิล อานาน จะได้โชว์ฝีมือในกติกา คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหม่ โดยคู่ชกของเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ อิเลียส เอ็นนาฮาชิ อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ผู้มีสถิติการชกสุดแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในวงการ

เอ็นนาฮาชิ เป็นนักชกที่มีความเร็ว การออกหมัดที่แม่นยำ และสไตล์การชกเชิงเทคนิคที่คมกริบ ทำให้ไฟต์นี้ถูกมองว่าเป็นบทพิสูจน์สำคัญของนาบิล ว่าเขาจะสามารถก้าวข้ามสังเวียนใหม่อย่างคิกบ็อกซิ่งได้หรือไม่ หากสามารถคว้าชัยชนะได้ นี่อาจเป็นก้าวสำคัญในการสร้างชื่อเสียงไปอีกระดับ และเพิ่มโอกาสขยายเส้นทางการเป็นแชมป์ในหลายกติกา

นาบิลกล่าวว่า

“ผมรู้สึกดีใจมากที่เอาชนะ พี่ซุปเปอร์เล็ก ซึ่งทำให้ผมแพ้แล้วเจ็บใจมากที่สุด ทุกอย่างที่ผมทำมาก่อนถึงวันนั้นถือว่าไม่เสียเปล่าเลย”

“วินาทีที่ผมได้รับการประกาศเป็นแชมป์โลกอย่างเป็นทางการ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกขึ้นเวทีไปทำไม แต่พอประกาศ ผมก็รู้แล้วว่าผมคือแชมป์ อยากขอบคุณตัวเองที่ไม่ยอมแพ้จนเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ และก็จะเดินหน้าต่อไปครับ”

“แม้จะได้เข็มขัดแชมป์โลกมวยไทยมาแล้ว แต่ความฝันของผมไม่จบแค่นี้ ผมอยากเป็นเบอร์หนึ่งในศิลปะการต่อสู้แบบยืนสู้ และอยากได้เข็มขัดแชมป์ในกติกาคิกบ็อกซิ่งด้วย”

นาบิล ซ้อมหนักคิกบ็อกซิ่ง มั่นใจไม่หวั่นประสบการณ์เป็นรอง อิเลียส

แม้จะเป็นการชกกติกา คิกบ็อกซิ่งครั้งแรกใน ONE แต่ นาบิล อานาน แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในเส้นทางนี้ เพราะในอดีตเขาเคยครองเข็มขัดแชมป์โลก WKN คิกบ็อกซิ่ง ระดับนานาชาติ มาแล้ว ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้เจ้าตัวมั่นใจว่าแม้ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่จะสามารถปรับตัวเข้ากับเกมคิกบ็อกซิ่งได้อย่างไม่มีปัญหา

ในศึก ONE ลุมพินี 126 วันที่ 26 กันยายนนี้ นาบิลจะดวลเดือดกับอิเลียส อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) และปัจจุบันเป็นผู้ท้าชิงอันดับ 2 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต โดย “เอ็นนาฮาชิ” ยังครองสถิติไร้พ่ายในรายการนี้ และหมายมั่นจะพิชิตยอดนักชกไทย-แอลจีเรียเพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของตัวเอง

ด้านนาบิล ยืนยันว่าการเปลี่ยนจากกติกามวยไทยมาสู่คิกบ็อกซิ่งไม่ใช่เรื่องยาก เพราะได้ซ้อมและศึกษากติกามาอย่างละเอียด พร้อมตั้งเป้าจะเปิดตัวอย่างร้อนแรงบนเวที ONE เพื่อปูทางสู่การเป็นเจ้าของบัลลังก์สองกติกาในอนาคต

อิเลียส เอ็นนาฮาชิ

นาบิลกล่าวว่า

“อิเลียส เป็นถึงอดีตแชมป์ในรุ่นฟลายเวต และเคยเอาชนะพี่ซุปเปอร์เล็ก มาแล้วด้วย ผมมองว่าเขาเป็นงานยากที่ผมต้องก้าวข้ามไปให้ได้ จุดแข็งเขาคือฟุตเวิร์กที่ดีและการเข้าออกที่รวดเร็ว แต่จุดอ่อนคือมักจะแผ่วปลายให้เห็น”

“ไฟต์นี้เป็นการชกกติกาคิกบ็อกซิ่งที่แตกต่างจากมวยไทย ผมเองก็ต้องปรับสไตล์การชกใหม่ แต่จะเป็นแบบไหนคงต้องรอดูบนเวที ทุกคนจะได้เห็นว่ามันไม่เหมือนกับตอนที่ผมต่อยมวยไทยอย่างแน่นอน”